8 สัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ ที่คุณควรรู้
ก า รขับขี่รถยนต์ สิ่งสำคัญอีกอย่ างนอกจากการขับขี่ที่ไม่ประมาทแล้ว เราควรตรวจเช็คสภาพของรถให้อยู่ในสภาพที่ปกติพร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่หากมีการแจ้งเตือนอะไรขึ้นมาบนหน้าปัดรถมันกำลังบ่งบอกถึงความผิดปกติบางส่วนของรถ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะมองข้ามเด็ดขาด งั้นเรามาดูว่าสัญญาณที่ปรากฏบนหน้าปัดนั้น กำลังบ่งบอกปัญหาอะไรบ้าง
1 สัญญาณแบตเตอรี่
ถ้าคุณเห็นสัญญาณแบตเตอรี่ที่เป็น ขั้วบวก ขั้วลบ มันเป็นการบ่งบอกว่ารถของคุณกำลังมีปัญหาในระบบไฟฟ้า และแบตเตอรี่รถ อาจจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับ ไดชารจ์ทำงานผิดปกติ หรือ การชาร์จไฟไม่เข้าแบตเตอรี่ เมื่อเราใช้งานรถไปเรื่อยๆ จะทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดของรถยนต์ไม่ทำงาน อย่ าพย าย ามที่จะใช้งานรถต่อ เพราะหากฝืนใช้ต่อ อาจจะทำให้รถของคุณเกิดดับกลางก็เป็นได้
2 สัญญาณเครื่องหมายตกใจและวงกลม
ถ้าคุณเห็นสัญญาณเครื่องหมายตกใจ หรือสัญญาณเบรคขึ้น อาจจะเป็นไปได้ 2 กรณี คือ การดึง หรือลดเบรคมือไม่สุด ทำให้สัญญาณนี้ขึ้นมา แต่ถ้าเราดึงเบรคมือ หรือลดเบรคมือลงสุดแล้ว แต่ยังเห็นขึ้นมาอยู่ อาจจะเป็นปัญหาที่ระบบเบรค ต้องไปตวรจสอบที่ระดับน้ำมันเบรคก่อนเป็นอันดับแรก เพราะปกติแล้วสัญญาณนี้จะขึ้นเมื่อน้ำมันเบรคต่ำกว่าระดับปกติ
3 สัญญาณถุงลมนิร ภั ย
สัญญาณนี้ มักจะขึ้นค้างไว้ประมาณ 5 วินาทีหลังสตาร์ทรถ ซึ่งเป็นการเช็คถุงลมของระะบตัวรถ แต่ถ้าหลังจากสตาร์ทแล้ว สัญญาณนี้ยังไม่ดับไปเอง อาจจะมีความผิดปกติในระบบถุงลมนิร ภั ย อย่ านิ่งนอนใจในเรื่องนี้ เพราะหากเกิด อุ บั ติเ ห ตุ ถุงลมอาจจะไม่ทำงานก็เป็นได้ ดังนั้นควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถโดยด่วน
4 สัญญาณตู้จ่ายน้ำมัน และมีจุดๆข้างล่าง
สัญญาณนี้ มองเผินๆจะดูคล้ายๆเวลาแจ้งเตือนน้ำมันหมด แต่จริงๆแล้วมันคือ การเตือนว่า กรองน้ำมันมีปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดจากที่กรองน้ำมันตัน หรืออาจจะมีน้ำผสมอยู่ในน้ำมัน ดังนั้นหากเห็นสัญญาณนี้ปรากฏ ควรนำรถไปเช็คที่ศูนย์บริการ เพื่อทำการตรวจเช็คตัวกรองน้ำมันให้ละเอียดอีกครั้ง
5 สัญญาณรูปตะเกียงน้ำมันหยด
สัญญาณนี้จะแสดงขึ้นมา เมื่อน้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์ มีต่ำมากจนหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ไม่ทั่วถึง การที่ฝืนใช้รถให้ทำงานต่อ จะทำให้รถมีปัญหาได้ แต่ถ้าหากเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังอยู่ในระดับปกติ แต่ยังมีสัญญาณไฟปรากฏอยู่ ก็อาจจะเป็นที่ปั๊มหัวจ่ายน้ำมันเครื่อง มีปัญหาและทำให้ไม่สามารถส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ทั่วถึง ดังนั้นควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คหาสาเหตุที่ถูกต้องและตรงจุด
6 สัญญาณรูปเครื่องยนต์
หากปรากฏสัญญาณนี้ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมันหมายถึงว่า การทำงานของเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ๋อมรถ เพื่อให้เช็คและตรวจสอบอย่ างละเอียดถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น
7 สัญญาณระบุตัวอักษร ABS
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบเบรครถยนต์ กับ ระบบ ABS นั้นคนละส่วนกัน ซึ่งตัว ABS จะเป็นระบบช่วยไม่ให้ล้อล็อกเวลาที่ต้องเบรคกระทันหัน จนเสียการทรงตัว แล้วจะทำให้รถไถลไปตามพื้นถนน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดโอกาสการพลิกคว่ำซึ่งหากหน้ารถมีการปรากฏสัญญาณ ABS หมายถึงระบบนี้กำลังมีปัญหา
ควรที่จะนำรถไปเข้าศูนย์บริการทันที แต่ในระบบเบรคนั้นยังสามารถใช้งานได้ตามปกติอยู่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน แต่ถ้าหากมีการเหยียบเบรคกระทันหันจนล้อล็อค ระบบ ABS อาจไม่ทำงาน
8 สัญญาณรูปปรอทมีขีดระดับน้ำ
หากปรากฏสัญญาณนี้ จะหมายถึง การเตือนความผิดปกติของระบบหม้อน้ำ ซึ่งอาจจเกิดจากการมี น้ำย าหล่อเย็นรั่ว หม้อน้ำระบายความร้อนของเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา หรือ พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน การฝืนใช้รถต่อจะทำให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงเกินไป จนทำให้รถยนต์พังได้ ดังนั้นควรรีบนำเข้าอู่ หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คและซ่อมให้เร็วที่สุด
สัญญาณเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นมา นั่นหมายถึง การมีปัญหาของระบบ หรือเครื่องยนต์ในด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นเราไม่ควรที่จะมองข้าม และรีบนำรถไปเข้ารับการตรวจเช็คที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพื่อที่จะได้ซ่อมแซมให้ถูกจุดและเพื่อความปลอด ภั ยของผู้ขับขี่รถเอง
ขอขอบคุณที่มา bitcoretech