Home ข้อคิดชีวิต (เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) ต่อให้รวยมากแค่ไหน แต่ต้องสอนลูกให้รู้จักความจนความลำบาก

(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) ต่อให้รวยมากแค่ไหน แต่ต้องสอนลูกให้รู้จักความจนความลำบาก

(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) ต่อให้รวยมากแค่ไหน แต่ต้องสอนลูกให้รู้จักความจนความลำบาก

(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) ต่อให้รวยมากแค่ไหน แต่ต้องสอนลูกให้รู้จักความจนความลำบาก

ในวันนั้น ผมได้พาลูกไปร้าน เครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ลูกของผม อ ย า ก ได้กล่องดินสอ มองหน้าพ่อแล้วบอกว่า อ ย า ก ได้แบบนี้แบบนี้ ลูกของผมเลือกแบบหรูหรา แต่ผมให้ซื้อแค่แบบ ธรรมดาที่ใช้งานได้เหมือนกัน ลูกทำหน้างอทันที ร้อง อ ย า ก ได้ไม้บรรทัด ก็ อ ย า ก ได้

แบบสวยงาม แต่ผมก็ให้เลือกแบบ แค่พื้นฐานใช้งานได้เหมือนกันเพียงเท่านั้น ลูกก็ทำหน้าหงิกหน้างอเข้าไปอีก ผมไม่ได้ว่าอะไร ตั้งใจก่อนนอนคืนนี้ จะชี้แนะลูกด้วยการเล่านิทาน เปรียบเปรย ให้เข้าใจหลังจากได้เป็นพ่อคนแล้ว ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกไม่ให้เหมือนแบบที่

ชาวเอเชียเขานิยมทำกัน ที่มักไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงมเกิน พอดีหลายปี ผ่ า น ไป ผมรู้สึกว่า วิธีการเลี้ยงลูก ของผมจะลำบากมากขึ้นทุกวัน จนกระทั้งวันหนึ่ง ผมได้ อ่ า น จดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งที่โพสต์ ลงในบอร์ดของมหาวิทย าลัย

นานกิง จดหมายจากผู้ใช้นานว่า พ่อผู้ ข ม ขื่ น เขียนถึงลูกเขา ที่เป็นนักศึกษา ในมหาวิทย าลัยนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูก จดหมายฉบับนี้มีคุณค่า มากในสายตาของผม ถึงลูกรักของพ่อแม้ลูกจะทำให้พ่อ ทุ ก ข์ ใจเกินบรร ย า ย แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่ออยู่วันยังค่ำ

หลังจากที่ลูกสามารถสอบ เข้ามหาวิทย าลัยได้แล้ว อาจเป็นเพียงคนเดียว ของตระก ูลเรา ในรอบหลายชั่ วอายุคนที่ทำได้สำเร็จ หลังจากนั้นพ่อชัก ไม่แน่ใจว่า ตกลงใครเป็นพ่อ และใครเป็นลูกกันแน่ ต่อมลูกหมากของผมลดลง 3 เท่า เมื่อลองทำวิธี รั ก ษ า วิธีนี้ พ่อช่วย

แบกสัมภาระ ไปส่งลูกถึงหอพัก ช่วยกางมุ้ง ปูที่นอนซื้อกับข้าวกับปลา ต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบ ย า สี ฟั น ออกจากหลอด ทั้งหลายทั้งปวง ดูเหมือนว่า มันเป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้ ไม่ได้ยินคำว่า ขอบคุณสักคำ จากลูกตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกด้วยซ้ำว่าเป็นเกียรติ

อันยิ่งใหญ่ที่พ่อ ผู้ด้อยความสามารถคนนี้มี โอกาสได้รับใช้ลูกทูนหัว ที่บัดนี้ได้เป็นนักศึกษา ผู้ทรงเกียรติไปแล้วปีแรกทั้งปี ที่บ้านได้รับจดหมาย จากลูกสามฉบับ ข้อความรวมกันแล้วอาจ ย า ว กว่าข้อความในโทรเลข หนึ่งฉบับสักหน่อย ข้อความย่นย่อ ลายมือหวัด

อ่ า น ย า ก มีแต่คำว่า เงิน นี่ตั้งใจเขียน ได้ชัดเจนที่สุดพอขึ้นปีที่สอง จดหมายมาแบบถี่ๆ ล้วนขอเงินเพิ่ม ลีลาการเร่งเร้าให้ส่งเงิน ข้อความที่เรียกร้องความเห็นใจ รับรู้ได้ถึงว่า หากเรียนจบแล้ว ลูกสามารถไปยึดอาชีพ เป็นพวกเจ้าหน้าที่เร่งรัด หนี้สินได้เยี่ยมแน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้พ่อ เ จ็ บ ป ว ด ที่สุดนั้น มาจากการที่ลูกอาจหาญ ถึงขั้นปลอมแปลงตัวเลข จำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่า หน่วยกิตของมหาวิทย าลัย ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้ มาหลอกลวงเงินทองจาก ผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิด เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมาตลอด เพียงเพื่ออย ากได้เงินเพิ่ม

ไปเที่ยวผั บเที่ยวบ าร์ และร้องคาราโอเกะ คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ เ จ็ บ ป ว ด เมื่อนั้น นอนไม่หลับ จนกลายเป็น โ ร ค ซึ ม เ ศ ร้ า สาเหตุก็มาจากลูก คนที่พ่อเลี้ยงดู ด้วยมือจนเติบใหญ่ แต่กลับกลายเป็น คนแปลกหน้าในร่าง ของนักศึกษา ขอภาวนาในใจว่า นอกจากวิชาความรู้ต่างๆ

ที่ลูกจะเรียนรู้จากสถาบัน การศึกษาแล้ว ลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจ ให้เป็นคนซื่อสัตย์ และกตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่อง ที่ดีที่สุดหลังจากได้ อ่ า น จดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่า ผมยังต้องเดินหน้า ทำตามนโยบาย ในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบาก

ในสังคมของเรามีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนสมัยเรียนที่ย้ ายไปออสเตรเลีย กลับมาเยี่ยมบ้าน มีโอกาสได้นั่งคุยกัน เขาเล่าว่า คนออสเตรเลียนอกจาก เชื่อถือในพระเจ้าแล้วอีกสิ่ง หนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น ก็คือ วิธีการเลี้ยงลูกแบบ จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน พวกเขาเชื่อว่า

เ ด็ ก ที่เติบโตขึ้นมา ภายใต้การดูแลปกป้องมาก ไปของพ่อแม่ เมื่อโตแล้ว จะไม่มีปัญญาที่ สามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่น แม้กระทั่งพ่อแม่ตนก็ตาม วันถัดมาเรามีโอกาสออกไป ทำธุระด้วยกัน เจอฝนระหว่างทางเขา

เห็น เ ด็ ก น้อยถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวม อ ย่ า ง หนากลมไป หมดทั้งตัวจนดูคล้าย ลูกบอลยัดนุ่น เขาบอกว่า เ ด็ ก ควรจะใส่เสื้อผ้า น้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย เขาเล่าว่าในออสเตรเลีย แม้หน้าหนาวก็จะไม่เห็น เ ด็ ก ที่ถูกห่อแบบ ลูกบอลยัดนุ่น เหมือนที่เห็น หรือในวันแดดจ้า

แม้ เ ด็ ก จะนั่ง อยู่ในรถเข็น เ ด็ ก แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็ง ไม่ยอมดึงที่บังแดด ออกมากันแดดให้ลูก เ ด็ ก ที่วิ่งเล่นแล้วหกล้มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆ ให้ลูกลุกขึ้น มาด้วยตัวเขาเอง ต่างๆ นาๆ ล้วน พ ย า ย า ม ให้ลูกฝึกช่วยตัวเอง และอดทนให้มากที่สุด

ธรรมเนียมของครอบครัว ชาวเอเชีย อ ย่ า ง พวกเรา หลักการที่ยึด ติ ด มานานกับนโยบายที่ว่า จะ ย า กจ นแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก สงสัยจะถึงเวลาต้อง ทบทวนกันใหม่ได้แล้ว การเลี้ยงลูกของสัตว์ ทั้งหลายในโลกนี้ ตอนลูกยังเล็กและอ่อนแอ บางชนิด

อมลูกไว้ในปาก บางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก กลัวลูกๆจะไม่ปลอด ภั ย แต่พอลูกเริ่มโต ได้ที่แล้วพวกเขาจะไล่ ลูกออกไปอย่ างไร้เยื่อใย ให้ลูกไปเผชิญ กับโลกภายนอกเอง ไปฝึกวิทย ายุทธเอง ไปเผชิญปัญหา และมรสุมทุกรูปแบบ แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน เห็นหรือยังว่า

แม้แต่ สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา ก็คือการฆ่ าลูกแบบเลื อ ดเย็น จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน ด้วยวิธีนี้จะบังคับให้ลูกๆ ทั้งหลายรู้จักยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และรู้จักสำนึก และตอบแทนบุญคุณ คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม

ถึงแม้คุณจะห่วงด้วย วิธีปกป้องหรือโอ๋ลูก ขนาดไหนก็ตาม คุณคงไม่มีปัญญาตามไป วุ่นวายหรือดูแลพวกเขา ในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา เพราะตอนนั้นคงได้เวลาที่ คุณจะได้หลับ ย า ว ไปแล้ว

ขอขอบคุณที่มา ขจรศักดิ์, verrysmilejung

Load More Related Articles
Load More By sitsmiling-B
Load More In ข้อคิดชีวิต

Check Also

วิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทำเองได้ง่ายๆ

วิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทำเองได้ง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า กับเครื่องซักผ้าที่ในทุกๆบ้ า…