Home ข่าวทั่วไป คนใช้รถควรต้องรู้ 6 สัญญาณไฟขึ้นที่หน้าปัดรถ ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

คนใช้รถควรต้องรู้ 6 สัญญาณไฟขึ้นที่หน้าปัดรถ ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

คนใช้รถควรต้องรู้ 6 สัญญาณไฟขึ้นที่หน้าปัดรถ ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

คนใช้รถควรต้องรู้ 6 สัญญาณไฟขึ้นที่หน้าปัดรถ ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

1 สัญญาณ เ ตื อ น สีเขียว หมายถึง อุปกรณ์ที่ กำลังใช้งานอยู่

2 สัญญาณ เ ตื อ น สีน้ำเงิน หมายถึง อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่

แต่ไม่ใช่ค่า ตั้งต้นจากโรงงาน เช่น การเปิดไฟสูง

3 สัญญาณ เ ตื อ น สีเหลือง หมายถึง การ เ ตื อ น ให้ตรวจสอบ แต่ยังสามารถ ใช้งานได้อยู่

4 สัญญาณ เ ตื อ น สีแดง หมายถึง ให้ตรวจสอบโดยทันที หรือหยุดใช้งานเพื่อ ความ ป ล อ ด ภั ย

นอกจากเข็มไมล์แล้ว ยังมีสัญลักษณ์อีก ม า ก ม า ย ที่ โ ช ว์ อยู่บนแผงหน้าปัดหน้ารถ

เคยสงสัยหรือไม่ว่า แต่ละอันมันบอกอะไร หรือหมายถึงอะไรกันแน่

เรามาทำความรู้จัก สัญลักษณ์บนแผงหน้าปัดที่ช่วย เ ตื อ น ว่า รถของคุณน่าจะมีปัญหากันดีกว่า

1 ไฟเครื่องระยนต์

หากไฟหน้าตาแบบนี้ขึ้นมา แสดงว่า เครื่องยนต์มีปัญหา ให้ลองเช็คเข็ม

บอกอุณหภูมิ ของเครื่องยนต์ว่า สูงหรือไม่ ถ้าไม่สูงก็สามารถขับต่อได้

แต่ควรจะขับอยู่ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที แล้วเข้าศูนย์ หรืออู่เพื่อ หาสาเหตุที่แท้จริง

เนื่องจากไฟ เ ตื อ น นี้ไม่ได้บอกว่า ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น นั้นหนักแค่ไหน

ถ้าหากว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้ว คุณยังคงขับต่อไป นั่นอาจทำให้ส่วนอื่นๆ เสียหายตามไปด้วย

2 ไฟกาน้ำมันเครื่อง

ปกติไฟนี้จะขึ้นมา ตอนที่เราสตาร์ทรถ แล้วดับไป แต่ถ้าเครื่องยนต์ ติ ด แล้ว

แต่ไฟนี้ยังคงขึ้นอยู่ คุณควรดับเครื่องยนต์ทันที หรือ ถ้าหากไฟนี้ขึ้นระหว่างขับรถ

ให้ตรวจเช็คอุณหภูมิ ของรถว่าขึ้นสูงหรือไม่ หากปกติ หรือสูงขึ้นนิดหน่อย

คุณยังพอมีเวลาน้ำร ถเข้าข้างทางแล้วดับเครื่อง จากนั้นให้เช็คว่าระดับน้ำมันเครื่อง

อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่อง ขึ้นมาดูว่าระดับน้ำมัน

ถึงขีดที่อยู่บนก้านหรือไม่ ซึ่งที่ก้านจะมีสองขีด ได้แก่ ขีดเกณฑ์

ระดับน้ำมันเวลาเครื่องไม่ร้อน และขีดเกณฑ์ระดับน้ำมัน เวลาเครื่องร้อน

หากระดับน้ำมันเครื่องพร่องไป คุณสามารถเติมเองได้ แต่ก็ควรตรวจเช็คเพิ่มเติม

ว่ามีปัญหาอื่นอีกหรือไม่ เช่น น้ำมันเครื่องเสีย แต่ถ้าไม่มีน้ำมันเครื่องเลย

แสดงว่า อาจมีรอยรั่ว ให้ลองตรวจหาร อ ย รั่ ว ถ้าหากหาไม่เจอ ก็อาจเกิดจาก

ประเก็นฝาสูบแตก ทำให้น้ำมันเครื่องรั่ ว เข้าห้อง เ ผ า ไ ห ม้ ซึ่งจะทำให้

ควันปลายท่อเป็นสีขาว หรือ อ า จ รั่ ว เข้าระบบระบาย ความร้อน ซึ่งกรณีนี้

จะต้องให้เครื่องเย็นก่อน จึงจะเปิดหม้อน้ำเพื่อ ตรวจดูสีของน้ำ หากเป็น

สีกาแฟขุ่น แสดงว่ามีน้ำมันเครื่องรั่ว เข้าระบบระบายความร้อน

3 ไฟแบตเตอรี่

ปกติไฟแบตเตอรี่จะ ติ ด เวลาสตาร์ทรถแล้วดับไป เมื่อเครื่องยนต์ ติ ด แล้ว

แต่ถ้าตอนสตาร์ทไฟนี้ไม่ขึ้น แต่ขึ้นหลังจาก ที่เครื่องยนต์ ติ ด แล้ว หรือระหว่างขับรถ

นั่นแสดงว่าแบตเตอรี่ ของคุณเก็บไฟไม่ได้ ซึ่งอาจ เกิดจากแบตเตอรี่เ สื่ อ ม

ไดชาร์ทหย่อน ขาด เ สื่ อ ม สภาพ หรือห ม ด อ า ยุ เมื่อไฟ เ ตื อ น นี้สว่างขึ้น

ให้คุณปิดวิทยุ แอร์ และระบบไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อให้แบตเตอรี่ ยังพอมีไฟฟ้าอยู่

แล้วหาศูนย์ หรืออู่ที่ใกล้ที่สุด หากไม่มีก็ควรนำรถจอด เข้าข้างทางโดยเร็ว

เพราะไม่นาน รถก็จะดับเนื่องจาก ไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงระบบ

4 ไฟเบรกมือ

ไฟนี้จะขึ้นเมื่อเราดึงเบรกมือ แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราไม่ได้ดึงเบรกมือ

แต่ไฟนี้สว่างขึ้นมา แสดงว่าระดับ น้ำมันเบรกต่ำ อีกกรณีคื

อ เวลาที่เราเลี้ยวรถแรงๆ ไฟนี้ก็อาจกระพริบขึ้นมา ได้เพราะระบบช่วยทรงตัว

ของรถกำลังทำงาน พอรถทรงตัวได้แล้ว ไฟนี้ก็จะหยุดกระพริบ

แต่ถ้าไม่หยุด ก ร ะ พ ริ บ ก็ควรนำรถไป เช็คการทรงตัว

5 ไฟ ABS

ไฟนี้ก็เป็นอีกหนึ่ง สัญลักษณ์ที่ ติ ด ตอน ก่อนที่เราจะสตาร์ทรถ

และอาจจะ กระพริบระหว่างขับ ถ้าหากเราเบรครถแรงๆ เพื่อบอกให้เรารู้ว่า

ระบบเบรค ABS กำลังทำงานอยู่ แต่ถ้าไฟเอบีเอสนี้ สว่างขึ้นมาทั้งๆ

ที่ไม่ได้เบรกแรง แปลว่าระบบอาจจะมีปัญหา แต่ก็ยังสามารถขับต่อไปได้

แต่ไม่ควรใช้ความเร็ว และให้ลองตรวจ เช็คจากคู่มืออีกที

เนื่องจากรถ บางรุ่นอาจมีสัญลักษณ์ ที่คล้ายกัน

6 ไฟ เ ตื อ น อุณหภูมิเครื่องยนต์

อีกไฟที่ต้อง ร ะ วั ง คือ ไฟนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่ไฟนี้ สว่างขึ้นมาแสดงว่า

เครื่องยนต์มี อุณหภูมิที่สูงเกินไป และอาจทำให้เกิด ความเสียหายได้

ดังนั้น คุณควรนำรถจอด เข้าข้างทางทันที รอให้อุณหภูมิรถยนต์เย็นลงแล้ว

ค่อยตรวจเช็ค ร ะ บ บ ห ล่ อ เ ย็ น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะมาจาก การอุดตัน การรั่ว

หรือระดับของน้ำ ย า หล่อเย็น แต่ถ้าคุณยังฝืนขับต่อ หรือปล่อยให้อุณหภูมิสูงต่อไปเรื่อยๆ

เครื่องจะดับ และอาจทำให้ฝาสู บ โ ก่ ง หรือเ สื้ อ สู บ บิ ด ร้ า วได้

แต่เพื่อความ ป ล อ ด ภั ย คุณควรเช็คสภาพ ของรถ อ ย่ า ง สม่ำเสมอ

โดยเฉพาะก่อน การขับรถระยะไกล และเมื่อเกิดปัญหา ให้ตั้งสติ ใจเย็นๆ

และพ ย า ย า มนำ รถเข้าข้างทางโดยเลือก จุดที่ป ล อ ด ภั ยเสมอ

Load More Related Articles
Load More By sitsmiling-B
Load More In ข่าวทั่วไป

Check Also

วิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทำเองได้ง่ายๆ

วิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทำเองได้ง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า กับเครื่องซักผ้าที่ในทุกๆบ้ า…